หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จเราก็ขับรถมา Check-in ที่โรงแรม เจ้าหน้าที่จะนัดเวลาพาเราไปพายเรือแคนูช่วงบ่าย รีสอร์ทนี้หมาเยอะมาก เยอะแบบไม่ต้องไปคาเฟ่แบบจ่ายเงิน มาดูที่นี่แทนได้เลย แต่บางตัวค่อนข้างดุ แถมชอบกัดกันเองอีก
วันนี้อากาศดีฟ้าสวย ไม่มีฝนตก
หลังที่ 9 และ 10
ภายในห้องพักดูดีทีเดียว แอร์ที่นี่เปิดได้ตลอด มุ้งเห็นแบบนี้ แต่รูโหว่เพียบนะ มีไว้เพื่อความสวยงาม ไม่ได้ช่วยกันยุง
ห้องอาบน้ำห้องส้วมแยกกันอยู่มุมซ้าย-ขวา เปิดให้เห็นธรรมชาติด้วย กลางคืนถ้าฝนตกจะมีปาดกระโดดมาเยี่ยม
กระจกใสเห็นวิวแบบพาโนราม่า มีเก้าอี้ชายหาด ขึ้นมาอยู่บนเขา เอาไว้นั่งชมวิว
มีกาแฟสดด้วยนะ จักรยานนี่น่าจะไว้ประดับเฉยๆ ดูพื้นที่แล้วไม่มีตรงไหนเอาไปขี่ได้แบบปลอดภัย
ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยงาม
มีสระว่ายน้ำด้วยนะ แต่ไม่เห็นมีใครมาว่ายเลย ขนาดเด็กๆชอบเล่นน้ำมาก ยังขอผ่าน
หนึ่งในน้องหมาที่รีสอร์ท
ลำนึงนั่งได้ 2 คน ไม่รวมคนพายให้ ลำโน้นคนพายพูดเก่ง คุยตลอดทางเลย
ช่วงนี้หน้าร้อน น้ำแห้ง เหลือน้ำสูงซัก 30-50 ซม.เอง พายไปติดหินไป
ตรงช่วงน้ำลึก ประมาณ 2ม. มีที่กระโดดน้ำด้วย คนพายจะถามว่าอยากแวะกระโดดรึเปล่า ถ้าใครไม่อยากกระโดดเค้าก็พายต่อ กลุ่มผู้สูงอายุส่วนใหญ่ขอผ่านกันหมด ส่วนเด็กๆ ไม่พลาดอยู่แล้ว
พี่ที่พายเรือให้กระโดดให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วช่วยสอนให้ลูกทัวร์กระโดดตาม ใครว่ายน้ำไม่เป็นเค้ามีชูชีพให้
กระโดดกันไปคนละ 3-4 รอบ จนเหนื่อยแล้ว ก็นั่งเรือชมวิวกันต่อ
ภูเขาที่อยู่รอบๆสูงใหญ่มาก
เรือจะพายมาเรื่อยๆ มาส่งเราตรงรีสอร์ทได้เลย นี่ก็ใกล้ถึงแล้ว
ตอนเย็นเดินไปทานข้าวที่ห้องอาหาร อยู่ไกลมาก บันไดยาวมากกก ขาลงไม่เท่าไหร่ ขาขึ้นนี่เมื่อยเลย
ลงมาเจอลานนี้ ข้ามสนามนี้ไปก็ถึงห้องอาหาร แม่ครัวที่นี่ทำอาหารอร่อย
ห้องอาหารอยู่ริมเขา ตอนเช้าบรรยากาศดีมาก
ตอนเย็นมีฝนตก เลยมีหมอกลงให้เห็นหลังห้องพัก
ตอนสายๆ แปดโมงกว่าก็ยังเห็นหมอก
ออกจากรีสอร์ท มีเวลาก่อนไฟลท์บินช่วงบ่าย เราจะไปเที่ยววัดใกล้ๆ อยู่ตามทางผ่านกลับไปสนามบินสุราษฎร์ ตามที่คนพายเรือแนะนำ เค้าเล่าเด็กๆว่ามีวัดที่มีปลาเยอะๆ กับถ้ำที่ยืนอยู่ปากถ้ำแล้วเย็นเหมือนเปิดแอร์ เราก็ Search อากู๋แล้วพาเด็กๆไป
เดินมาถึงปากถ้ำแล้ว ก็เย็นนะ แต่นิดหน่อยเอง 55+
ด้านในมีพระอยู่ 1 รูป ทำบุญกันเล็กน้อยแล้วเดินไปต่อ
เดินนิดเดียวก็ถึงทางออกแล้ว
ทางออกอีกทางมีท่าน้ำ มีปลาเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ได้เอาอาหารปลามาให้ เลยบอกเด็กๆไว้ดูปลาที่วัดถัดไป
ตอนกลับ กลับทางเดิม
ขับรถต่อไม่ไกลก็ถึงวัดพนม ตอนแรกหาท่าน้ำที่ดูปลาไม่เจอ ต้องถามคนแถวนั้น อยู่ทางด้ายซ้ายมือ เดินไปลึกๆ หลังวัด
มีอาหารปลาขายกระป๋องละ 20 บาท ปลาเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นปลาตะเพียนแดง
อาหารปลาใส่มาให้แบบนี้ ให้หมดก็เอากระป๋องกลับไปคืน
มื้อเที่ยงแวะกินอาหารที่"ร้านบัวผุด" ร้านอยู่ในสนามกอล์ฟของเขื่อนรัชชประภา นั่งกินไปชมวิวสันเขื่อนไป
สั่งอาหาร 4 อย่าง ปลากะพง 3 รส ใบเหลียงผัดไข่ กุ้งอบวุ้นเส้น และลาบหมู ทำอร่อยมากๆ อร่อยที่สุดในทริปนี้เลย
อิ่มแล้วก็แม่ก็พาเราไปส่งที่สนามบินสุราษฎร์ธานี รอขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ^ ^
--------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น